มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เดินหน้าพลิกชีวิต และสร้างรอยยิ้มแก่เยาวชนไทยผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ล่าสุดได้รับเกียรติจาก ‘อานันท์ ปันยารชุน’ รับตำแหน่งประธานกรรมการกิตติมศักดิ์อย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้า
นาย เควิน เจ บูเว่ส์ ประธานกรรมการมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ประเทศไทย หรือ Operation Smile Thailand กล่าวว่า “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ประเทศไทย (Operation Smile Thailand) ให้การรักษาผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ที่ยากไร้ อาศัยในพื้นที่ห่างไกลทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งจวบจนปัจจุบันได้มอบการผ่าตัดเปลี่ยนชีวิตกว่า 9,000 ครั้งแล้ว โดยล่าสุดมูลนิธิฯ ได้สร้างสรรค์โครงการ ‘รอยยิ้มสดใสหัวใจเปี่ยมสุข (Bright Smiles and Happy Hearts)’ ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการมอบการรักษาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย การให้การฝึกอบรมบุคลากรในด้านต่างๆ การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยและผู้ปกครองของผู้ป่วยในการเลี้ยงดู รักษา และป้องกัน มากไปกว่านั้นหนึ่งในห้าโครงการนั้นก็คือการสร้างเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ และการสร้างฐานข้อมูลของคนไข้เพื่อพัฒนาระบบการรักษาคนไข้ให้ดียิ่งขึ้น ทางมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ท่านอานันท์ ปันยารชุนมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ เพราะด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของท่าน จะสามารถสร้างรอยยิ้มและอนาคตให้กับเยาวชนไทยต่อไป
นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile Foundation) เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่งว่า หลังจากได้มีโอกาสพูดคุยกับดร. บิล แมกกี ผู้ก่อตั้ง Operation Smile Foundation เมื่อปีพ.ศ. 2539 และได้ชักชวนให้ทีมงานอาสาสมัครของเขาเข้ามาช่วยเหลือเยาวชนไทยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งทางดร. บิล แมกกี ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย หลังจากนั้นจึงได้ช่วยประสานงานกับทีมแพทย์อาสา เพื่อเตรียมการออกหน่วยช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ในประเทศไทย โดยปีแรกนั้นเราเริ่มที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎในกรุงเทพฯ และใน จ.ยโสธร โดยมีคนไข้เข้ารับการคัดกรองเกือบ 400 ราย แสดงให้เห็นว่า ยังมีผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่อีกจำนวนมากที่กำลังรอการรักษาอยู่ ซึ่งการรักษาโรคดังกล่าวต้องใช้ทั้งทุนทรัพย์ และเวลา เพื่อให้เด็กๆ ได้กลับมามีรอยยิ้มที่สมบูรณ์อีกครั้ง ล่าสุด มูลนิธิสร้างรอยยิ้มได้ติดต่อเพื่อเชิญให้ผมมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ ซึ่งผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนมูลนิธิฯ อย่างเต็มที่ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ป่วยและผู้ปกครองของผู้ป่วย ทำให้เข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี เขาเหล่านั้นต้องทนทุกข์กับความผิดปกติบนใบหน้าของเขา ต้องเผชิญกับความลำบากในการกินนม ดื่มน้ำ กินอาหาร การหายใจ การพูด ฯลฯ ส่วนผู้ปกครองก็มีแต่ความเครียด ความวิตกกังวล ความเศร้าโศกเสียใจ เราจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยเหล่านี้เขาจะไม่มีความมั่นใจ ในตัวเอง บางคนไม่ได้เข้ารับการศึกษา กลายเป็นคนด้อยโอกาสในสังคม บางคนเก็บตัว หรือบางคนอาจจะดำเนินชีวิต ไปในทางที่ผิด ผมเชื่อว่าถ้าพวกเราให้โอกาสพวกเขาเหล่านี้ โดยการมอบรอยยิ้มที่สดใสให้กับพวกเขา ศักยภาพในตัว พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนปกติ หรือบางทีอาจจะมากกว่าซะด้วยซ้ำ นอกจากเราจะมอบรอยยิ้มให้กับผู้ป่วย เรายังมอบโอกาสให้พวกเขามีชีวิตที่สดใส มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นบุคลากรที่ช่วยพัฒนาประเทศชาติต่อไป
“จุดมุ่งหมายหลักของผมคือความตั้งใจจริงที่จะให้การช่วยเหลือผู้ป่วยแบบยั่งยืนผสานหลักบูรณาการ โดยทางมูลนิธิสร้างรอยยิ้มจะเข้าไปช่วยลดช่องว่าง และเติมเต็มให้กับระบบสาธารณสุขให้เกิดความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นที่คนไข้เป็นหลัก คนไข้อยู่ไหน เราก็ตามไปรักษา ทั้งยังช่วยรักษาคนไข้ที่มีภาวะซับซ้อน เพื่อสร้างให้การดูแล รักษาผู้ป่วยสามารถทำได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพราะยังมีผู้ป่วยอีกมากที่รอรับความช่วยเหลืออยู่ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยบางรายไม่มีแม้กระทั่งค่ารถเพื่อเดินทางมารับการผ่าตัดฟรีจากมูลนิธิฯ ในการให้ความช่วยเหลือ ผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ของมูลนิธิฯ เราให้การผ่าตัด ดูแลรักษาทางการแพทย์ตามมาตรฐานสากล หมายรวมถึงกระบวนการการคัดเลือกบุคลากรทางการแพทย์อย่างเข้มงวด รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานคุณภาพอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและมีความทันสมัย โดยเราได้ดำเนินการตามกรอบดังกล่าว อย่างเคร่งครัดมากว่า 14 ปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะได้รับประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุด และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก นอกจากนั้น มูลนิธิสร้างรอยยิ้มยังจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน ตามมาตรฐานสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย ในขณะเดียวกัน ผมเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ความรู้แก่ บุคคลทั่วไป หญิงวัยเจริญพันธุ์ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพ และป้องกันการให้กำเนิดบุตรที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ให้ความรู้เรื่องการดูแลทารกปากแหวางเพดานโหว่ เช่น การให้นมบุตร และการดูแลเด็กหลังการผ่าตัด ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เป็นการดูแลแบบครบวงจร อย่างยั่งยืน จึงขอเชิญชวนบริษัทเอกชนจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีตามความเหมาะสมมาร่วมบริจาค ผมตั้งใจจะระดมทุนให้ได้ 50 ล้านต่อปีและจะสร้างความ มั่นใจให้ผู้บริจาคว่าเงินที่มอบให้นั้นทางมูลนิธิได้นำไปดำเนินงานอย่างโปร่งใส สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้” นายอานันท์ ปันยารชุน กล่าว
ด้านรองศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชัย อังสพัทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางการแพทย์ภาคสนาม มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เปิดเผยถึงสถานการณ์ของโรคปากแหว่งเพดานโหว่ของเมืองไทยในปัจจุบันว่า สถิติในประเทศไทยคือ เด็กแรกเกิด1 ใน 700 รายมีอัตราการเกิดภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ หรือทั้งสองอย่าง ในหนึ่งปีจะมีเด็กประมาณ 2,000 คน ในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับโรคดังกล่าว ซึ่งสาเหตุของโรคดังกล่าวยังไม่ปรากฎแน่ชัด จึงเชื่อว่าอาจเกิดจากปัจจัยด้านพันธุกรรมและด้านสิ่งแวดล้อมประกอบกัน อาทิ การขาดสารอาหาร หรือการติดจากสารเสพติด เป็นต้น ดังนั้นทีมแพทย์ พยาบาลอาสาสมัครมาช่วยทำการรักษาและดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด โดยมีการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปยังจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อมอบการรักษาให้กับผู้ป่วยที่เข้าถึงการรักษาได้ยาก ซึ่งทางมูลนิธิฯ ยังคงมอบการรักษาให้กับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพราะการผ่าตัดถือเป็นการเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วย ด้วยการมอบรอยยิ้มที่สดใสให้กับผู้ป่วยและครอบครัว และเป็นการมอบโอกาสที่ดีให้เขาต่อไป”
ส่วนนางสาวสุชาร์ มานะยิ่งหรือน้องออม ดาราวัยรุ่นชื่อดังที่ได้รับเชิญเป็นทูตสร้างรอยยิ้มหรือ Smile Ambassador ของมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม หลังจากได้ร่วมลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยแพทย์ กล่าวว่า “ครั้งแรกที่ได้ร่วมออกหน่วยกับทางมูลนิธิสร้างรอยยิ้มและได้มีโอกาสเข้าชมการผ่าตัด ออมรู้สึกประทับใจมากๆ ว่าการผ่าตัดเพียงไม่ถึงชั่วโมงสามารถเปลี่ยนชีวิตและมอบอนาคตใหม่ให้แก่เด็กๆ ครอบครัว และชุมชนได้ ให้เค้าสามารถ อยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งออมคิดว่ามันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เด็กคนนึงได้รับ และออมก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของมูลนิธิฯ นับแต่นั้นมา พอมูลนิธิสร้างรอยยิ้มติดต่อมาเพื่อเชิญเป็น Smile Ambassador หรือทูตสร้างรอยยิ้ม จึงตอบตกลงเพราะอยากมีส่วนช่วยให้น้องๆ ได้มีรอยยิ้มใหม่ มีชีวิตและอนาคตใหม่ ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งนับจากนี้ ออมจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรู้จักกับอันตรายและผลกระทบที่เกิดจากโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ให้มากยิ่งขึ้น
หลังจากนี้ในเดือนพฤษภาคมจะมีการออกหน่วยไปที่จ.ชลบุรี เพื่อผ่าตัดให้เด็กๆ ออมก็จะลงพื้นที่ไปเยี่ยมและให้กำลังใจ สุดท้ายออมขอเชิญชวนให้ทุกคนมาช่วยกันมอบรอยยิ้มใหม่ให้กับน้องๆ ด้วยการสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิ สร้างรอยยิ้ม โดยในปีนี้เราได้สร้างสรรค์โครงการ ‘รอยยิ้มสดใสหัวใจเปี่ยมสุข (Bright Smiles and Happy Hearts)’ ขึ้น เพื่อระดมทุนใช้ในการผ่าตัดสร้างรอยยิ้ม จึงอยากขอเชิญองค์กรผู้ใจดีร่วมให้การสนับสนุนด้วยนะคะ”
สำหรับ คุณอรวรรณ จำปาหอม ผู้ใช้ชีวิตระหว่างตั้งครรภ์อยู่ในจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นมารดาของ เด็กชายศุภณัฐ คำภาลา หรือ น้องโฟล์คซอง ที่ภายหลังคลอดจึงได้รู้ว่า บุตรชายเป็น “โรคปากแหว่งเพดานโหว่” ได้เปิดเผยถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้นว่า…“เมื่อทราบจากคุณหมอที่ทำคลอดว่าลูกเราผิดปกติ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะตัวเราเองก็ไม่มีความรู้ หรือไม่เคยรู้จักกับโรคนี้มาก่อน แล้วก็ไม่คิดว่าโรคนี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกของเราด้วย ก็รู้สึกเสียใจ แต่คุณหมอที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญได้แนะนำให้ดิฉันพาลูกไปรักษายังโรงพยาบาลในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเมื่อไปถึงคุณหมอก็แนะนำให้ดิฉันได้รู้จักกับ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ประเทศไทย” (Operation Smile Thailand) ที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ได้ ดิฉันรู้สึกดีใจมาก แต่ก็ต้องรอเวลาให้น้องโฟล์คซองมีอายุครบตามเกณฑ์ก่อนจึงจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ คือ อายุ 3 เดือน และมีน้ำหนัก 5 กิโลกรัม และเมื่อน้องโฟล์คซองมีอายุถึงเกณฑ์จึงได้เข้ารับการผ่าตัด โดยเริ่มจากผ่าตัดปากแหว่งก่อน แล้วตอนอายุได้ 9 เดือนจึงเข้ารับการผ่าตัดเพดานโหว่อีกเป็นครั้งที่ 2 และกำลังจะได้รับการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 3 ในเร็วๆ นี้ ซึ่งภายหลังจากนั้น น้องโฟล์คซองก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป
ถ้าไม่มีวันนี้ ดิฉันกับลูกคงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่นอน โดยเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวันของน้องโฟล์คซอง ซึ่งภายหลังที่น้องโฟล์คซองได้เข้ารับการผ่าตัดมาแล้ว ความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านอารมณ์และพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่น้องเป็นเด็กเลี้ยงยากเพราะทุกครั้งที่ป้อนนมน้องจะสำลัก หงุดหงิด อารมณ์เสีย แต่เดี๋ยวนี้น้องสามารถดูดนม หรือรับประทานอาหารได้แล้ว และยังเป็นเด็กอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ดิฉันและน้องโฟล์คซองต้องขอขอบพระคุณ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ประเทศไทย” (Operation Smile Thailand) และผู้ให้การสนับสนุนทุกท่าน ซึ่งได้ยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือดิฉันและลูกเป็นอย่างมาก สำคัญที่สุดคือต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ได้เข้ามาสร้างรอยยิ้มอันสดใสให้กับดิฉันและลูกให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งค่ะ”
ทั้งนี้ ท่านสามารถร่วมสร้างรอยยิ้มให้แก่เด็กยากไร้ด้อยโอกาสเหล่านี้ได้ โดยสามารถบริจาคผ่านทางธนาคารได้ที่
ชื่อบัญชี มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารี บัญชีเลขที่ 127-435422-2 Swift: BKKBTHBK
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพลินจิต บัญชีเลขที่ 059-285134-9
- ธนาคารกรุงศรี สาขาเพลินจิตทาวเวอร์ บัญชีเลขที่ 285-135204-6
- ธนาคารกรุงไทย สาขาการไฟฟ้านครหลวงเพลินจิต บัญชีเลขที่ 092-013280-4
หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02 652 0515-6 อีเมล [email protected] และเว็บไซต์ www.operationsmile.or.th